tag:blogger.com,1999:blog-16340526689755929902023-11-15T06:16:45.639-08:00โลกศึกษาtitayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.comBlogger8125tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-61304242681473886432012-07-01T03:02:00.000-07:002012-07-04T19:35:08.845-07:00สิทธิมนุษยชน<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a>สิทธิมนุษยชนในสังคมโลก</h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><div style="border-bottom-color: rgb(170, 170, 170); border-bottom-width: 1pt; border-left-style: none; border-right-style: none; border-top-style: none; padding: 0cm 0cm 7pt;">
<h2 style="color: #444444; font-size: 1.6em; margin: 0cm 0cm 7.2pt; padding: 0cm;">
<a href="" name="TOC-1" style="color: #0033cc;"></a><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 20pt;">สิทธิมนุษยชน</span></h2>
</div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงมีโดยเสมอภาคกัน เพื่อการดำรงชีวิตได้อย่าง มีศักดิ์ศรีมีโอกาสเท่าเทียมกันในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่และสร้างสรรค์ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิที่ได้มาพร้อมกับการเกิดและเป็นสิทธิติดตัวบุคคลนั้นตลอดไปไม่ว่าจะอยู่ในเขตปกครองใด หรือเชื้อชาติ ภาษา ศาสนาใด ๆ</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">สิทธิมนุษยชน หมายถึงแนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์ที่ว่า มนุษย์นั้นมีสิทธิหรือสถานะสากล ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับขอบเขตของกฎหมาย หรือปัจจัยท้องถิ่นอื่นใด เช่น เชื้อชาติ หรือ สัญชาติ</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">จาก ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ </span>1 <span lang="TH">กล่าวว่า "มนุษยทั้งหลายทั้งหลายเกิดมามีอิสระเสรี เท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนได้รับการประสิทธิ์ประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันอย่างฉันพี่น้อง"[</span>1]</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ความดำรงอยู่ ความถูกต้อง และเนื้อหาของสิทธิมนุษยชน เป็นหัวข้อที่เป็นที่โต้เถียงกันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในทางปรัชญาและรัฐศาสตร์ ตามกฎหมายแล้ว สิทธิมนุษยชนได้ถูกบัญญัติเอาไว้ในกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ และในกฎหมายภายในของหลายรัฐ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนจำนวนมากแล้ว หลักการของสิทธิมนุษยชนนั้นกินขอบเขตเลยไปกว่ากฎหมาย และก่อร่างขึ้นเป็นหลักศีลธรรมพื้นฐานสำหรับวางระเบียบภูมิศาสตร์การเมืองร่วมสมัย สำหรับคนกลุ่มนี้แล้ว สิทธิมนุษยชนคือความเสมอภาคในอุดมคติ</span></span></div>
<h3 style="color: #444444; font-size: 1.4em; margin: 0cm 0cm 3.6pt;">
<a href="" name="TOC-2" style="color: #0033cc;"></a><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สิทธิมนุษยชนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ</span></h3>
<h4 style="color: #444444; font-size: 1.2em; margin: 0cm 0cm 3.6pt;">
<a href="http://oobif505.blogspot.com/2011/08/5.html" name=".E0.B8.81.E0.B8.A5.E0.B9.88.E0.B8.B2.E0." rel="nofollow" style="color: #0033cc;"></a><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">กล่าวนำ</span></h4>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๑ ในฐานะ ที่เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ โดยประเทศสมาชิกต่างมีเจตจำนงประการสำคัญว่า การคุ้มครองสิทธิ-มนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเงื่อนสำคัญประการหนึ่งที่จะก่อให้เกิดสันติภาพในประเทศสมาชิก ที่ร่วมองค์กรและสังคมระหว่างประเทศ ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่าง ๆ เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ</span>, <span lang="TH">ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน</span>, <span lang="TH">กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่ง</span>, <span lang="TH">การเมือง</span>, <span lang="TH">สังคม</span>, <span lang="TH">เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ตลอดจนกติการะหว่างประเทศที่ว่าด้วยการจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ ฯลฯ เป็นต้น</span></span></div>
<h4 style="color: #444444; font-size: 1.2em; margin: 0cm 0cm 3.6pt;">
<a href="http://oobif505.blogspot.com/2011/08/5.html" name=".E0.B8.9A.E0.B8.97.E0.B8.9A.E0.B8.B1.E0." rel="nofollow" style="color: #0033cc;"></a><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกับสิทธิมนุษยชน</span></h4>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีสาระสำคัญเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพิ่มขึ้น ตลอดจนปรับปรุงโครงสร้างทางการเมืองให้มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งมีบทบัญญัติมาตรา ๑๙๙ และ มาตรา ๒๐๐ บังคับไว้ในส่วนที่ ๘ ที่ว่าด้วย </span><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">“<span lang="TH">คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ</span>” <span lang="TH">ซึ่งมีฐานะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ต่อมาได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้บัญญัติไว้ในหมวด ๑๑ ส่วนที่ ๒ ว่าด้วยองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">มาตรา ๒๕๖ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีกหกคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนด้วย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีวาระการดำรงตำแหน่งหกปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นหน่วยงาน ที่เป็นอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดำเนินการอื่น ตามที่กฎหมายบัญญัติ</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">มาตรา ๒๕๗ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๑) ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี และเสนอมาตรการการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระทำหรือละเลยการกระทำดังกล่าวเพื่อดำเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอ ให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการต่อไป</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๒) เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่ เห็นชอบตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๓) เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลปกครอง ในกรณีที่เห็นชอบตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า กฎ คำสั่ง หรือการกระทำอื่นใดในทางปกครองกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๔) ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย เมื่อได้รับการร้องขอจาก ผู้เสียหายและเป็นกรณีที่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๕) เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และ กฎ ต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๖) ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๗) ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยราชการ องค์การเอกชน และองค์การอื่นในด้านสิทธิมนุษยชน</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๘) จัดทำรายงานประจำปีเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนภายในประเทศและเสนอต่อรัฐสภา</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๙) อำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชนประกอบด้วย</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอำนาจเรียกเอกสารหรือ หลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ รวมทั้งมีอำนาจอื่นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ</span></div>
<h4 style="color: #444444; font-size: 1.2em; margin: 0cm 0cm 3.6pt;">
<a href="" name="TOC-3" style="color: #0033cc;"></a><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สิทธิมนุษยชน คืออะไร</span></h4>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๓๓๔ (๑) กำหนดบังคับไว้ให้ออกกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ภายใน ๒ ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญใช้บังคับ รัฐบาลจึงได้ออกกฎหมายมารองรับ เรียกว่า </span>“<span lang="TH">พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒</span>” <span lang="TH">ซึ่งมีประเด็นสำคัญ พอสรุปได้ดังนี้</span></span></div>
<div style="line-height: 18pt; margin: 0cm 0cm 1.2pt 36pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๑) มาตรา ๓ ให้คำจำกัดความว่า </span>“<span lang="TH">สิทธิมนุษยชน</span>” <span lang="TH">หมายความว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรอง หรือคุ้มครอง ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย หรือตามกฎหมายไทย หรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 24pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือศักดิ์ศรีความเป็นคนเป็นสิ่งที่ทุกคนมีติดตัวมาแต่กำเนิด โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือแนวคิดอื่น ๆ เผ่าพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ถิ่นกำเนิด หรือสถานะอื่น ๆ เช่น คนเราทุกคนมีสิทธิได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายไม่ว่าที่ไหน เมื่อไร (ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๖)</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 24pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">คนเราทุกคนเกิดมามีอิสระเสรี มีศักดิ์ศรี มีสิทธิเท่าเทียมกันหมดทุกคนได้รับการประสิทธิประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง (ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๑)</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 24pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">รัฐธรรมนูญยังได้บัญญัติรับรอง กำชับ และเรียกร้องเมื่อถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนไว้ด้วย อย่างชัดเจน ได้แก่</span></span></div>
<div style="line-height: 18pt; margin: 0cm 0cm 1.2pt 36pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๒) มาตรา ๔ บัญญัติว่า </span>“<span lang="TH">ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง</span>”</span></div>
<div style="line-height: 18pt; margin: 0cm 0cm 1.2pt 36pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๓) มาตรา ๒๖ บัญญัติว่า </span>“<span lang="TH">การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพ</span>”</span></div>
<div style="line-height: 18pt; margin: 0cm 0cm 1.2pt 36pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(<span lang="TH">๔) มาตรา ๒๘ บัญญัติว่า </span>“<span lang="TH">บุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน</span></span></div>
<h4 style="color: #444444; font-size: 1.2em; margin: 0cm 0cm 3.6pt;">
<a href="http://oobif505.blogspot.com/2011/08/5.html" name=".E0.B8.AA.E0.B8.B4.E0.B8.97.E0.B8.98.E0." rel="nofollow" style="color: #0033cc;"></a><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สิทธิมนุษยชนกับทหาร</span></h4>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 96pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ทหารจำเป็นต้องได้รับความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์ใช้กำลังเข้าระงับการชุมนุมระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ ๑๒ กันยายน ๒๕๓๕ รับทราบรายงานของคณะกรรมการกลั่นกรองรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จริงของเหตุการณ์ดังกล่าว และเห็นชอบตามข้อสังเกตและความเห็นของคณะกรรมการ ฯ โดยมีมาตรการที่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม คือ</span></span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 96pt;">
<span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ข้อ ๓ รับไปดำเนินการบรรจุวิชาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนพื้นฐานในการแสดงออกอย่างเสรีในหลักสูตรการศึกษาทุกแขนง โดยเฉพาะการบรรจุวิชาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนพื้นฐานในหลักสูตรวิชาทางทหาร ตำรวจ และนักปกครองระดับต่าง ๆ เพื่อให้ตระหนักในคุณค่าของสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฯลฯ</span></span></div>
<h4 style="color: #444444; font-size: 1.2em; margin: 0cm 0cm 3.6pt 96pt;">
<a href="http://oobif505.blogspot.com/2011/08/5.html" name=".E0.B8.84.E0.B8.93.E0.B8.B0.E0.B8.81.E0." rel="nofollow" style="color: #0033cc;"></a><span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน</span></h4>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 96pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ตามมาตรา ๒๕๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ บัญญัติว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีกหกคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนด้วย</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 96pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 96pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การถอดถอน และการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ</span></div>
<div style="margin: 4.8pt 0cm 6pt 96pt;">
<span lang="TH" style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีวาระการดำรงตำแหน่งหกปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว</span></div>
</div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-17854253310208512502012-07-01T03:00:00.001-07:002012-07-04T19:35:08.735-07:00การแก้ปัญหาความขัดแย้ง<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a>แนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคมโลก</h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><div align="center" style="margin: 6pt 0cm; text-align: center;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 20pt;">ความขัดแย้งทางสังคมวัฒนธรรม ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ</span></strong></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การขัดแย้งทางวัฒนธรรม (</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">Cultural Conflict)</span></strong></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การแพร่กระจายวัฒนธรรมและการสังสรรค์ทางวัฒนธรรมอาจสร้างความขัดแย้ง ถ้าสมาชิกในกลุ่มไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยปกติกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อ และภาษาพูดร่วมกันมักจะไม่มีความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมเกิดขึ้นเมื่อมีการปะทะสังสรรค์ของวัฒนธรรมที่ต่างกัน</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">การปะทะสังสรรค์ทางวัฒนธรรมนี้เกิดจากการแพร่กระจายของวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่งหรือทั้งสองชุด</span> <span lang="TH">ทั้งนี้อาจเกิดจาก</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(1) <span lang="TH">การอพยพย้ายถิ่นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาสู่อาณาบริเวณที่มีกลุ่มชาติพันธุ์หรือวัฒนธรรมอื่นอยู่แล้ว ถ้าการอพยพย้ายถิ่นนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นมิตรก็จะเกิดความขัดแย้งได้</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(2) <span lang="TH">การขยายดินแดนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อเสริมอาณาเขตของตนซึ่งมีผลในการรุกรานกลุ่มที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว ทั้งนี้รวมทั้งการยกทัพไปสู้รบกันดังเช่นสงครามสมัยโบราณ</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(3) <span lang="TH">การล่าอาณานิคมของสังคมตะวันตก โดยกลุ่มที่มีอำนาจสามารถเข้าไปครอบครองและเผยแพร่วัฒนธรรมของตนด้วย</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">(4) <span lang="TH">นอกจากนี้ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมอาจเกิดจากการแพร่กระจายทางวัฒนธรรมโดยการสื่อสาร ถ่ายทอดผ่านสื่อมวลชน ระบบการศึกษา และเทคโนโลยีต่างๆ</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์มีสูงเพราะสังคมวัฒนธรรมขัดแย้งกัน การปรับรับวัฒนธรรมซึ่งกันและกันไม่เกิดขึ้น</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ปัญหาเรื่องความขัดแย้งของกลุ่มชาติพันธุ์ เกิดจากการที่แต่ละฝ่ายพยายามรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนและไม่ยอมรับวัฒนธรรมของสังคมข้างเคียง หรือถ้าความขัดแย้งเกิดจากกรณีของการช่วงชิงอำนาจ ความสัมพันธ์จะอยู่ในลักษณะศัตรูหรือคู่ปรับ เกิดสงครามช่วงชิงพื้นที่หรือผู้คน ข้อมูลในประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นตัวอย่างของความขัดแย้งของกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีสังคมวัฒนธรรมภาษาพูดต่างกันอยู่เป็นประจำ ในกรณีที่มีความขัดแย้งทางวัฒนธรรมรุนแรง อาจเกิดเป็นขบวนการต่อต้าน เช่น ขบวนการแยก ดินแดนหรือขบวนการก่อการร้าย</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><i><u><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมคืออะไร</span></u></i></strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br /><br /><span lang="TH">ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม(</span>cultural conflicts) <span lang="TH">อาจเป็นคำที่ไม่คุ้นหูสำหรับหลายๆคน เป็นคำที่ใช้เรียกรวมๆของความตึงเครียด ความแตกร้าว ความเห็นที่ไม่ตรงกันอันเกิดจากการพบกันของวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน หากการสร้างกลุ่มประชากรซึ่งเป็นมาตรหลักของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใน สมัยปัจจุบัน ให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างอาศัยเงื่อนไขหลักอย่างหนึ่งคือความเหมือนกันของ วัฒนธรรม ก็จะสามารถแยกกลุ่มประชากรสองกลุ่มได้โดยอัตโนมัติอาศัยความต่างทางวัฒนธรรม เนื่องจากประชากรแต่ละคนจะซึมซับเอาวัฒนธรรมของกลุ่มที่ตนเองอยู่เข้าไปใน บุคลิกของตนไม่มากก็น้อย ทำให้เป็นธรรมดาที่ระหว่างปัจเจกชนซึ่งอยู่ในกลุ่มประชากรที่ต่างกันมี แนวทางความคิดและการกระทำที่ต่างกัน ยิ่งเมื่อเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่การติดต่อระหว่างประเทศเป็นไปอย่างกว้างขวาง ประเทศที่ยืนหยัดในความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมก็เพิ่มขึ้น ผลก็คือการเกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรมอันเกิดจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ปัจจัยหลักที่ทำให้แนวคิดใหม่ที่เรียกว่า " ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม " มีความสำคัญขึ้นโดยฉับพลันคือ ตามที่ได้กล่าวไว้ ความต้องการการพัฒนาที่พร้อมกันของการยืนกรานในความเป็นเอกลักษณ์ทาง วัฒนธรรม และการขยายใหญ่ของการติดต่อระหว่างประเทศ แต่ปัจจัยที่เป็นรูปธรรมกว่านั้น มีสองจุดที่สำคัญคือ</span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">1. <span lang="TH">ปัจจุบันเวทีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ครอบคลุมทั่วโลกเป็นครั้งแรก บนหน้าประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์มนุษย์</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">2. <span lang="TH">ความจริงที่ว่าการติดต่อระหว่างประเทศของปัจเจกชนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การติดต่อระหว่างผู้มีวัฒนธรรมต่างกันหลายแบบจึงเกิดขึ้น แต่ ศาสนา ภาษา วิถีพื้นบ้าน ศิลปะ โดยเฉพาะด้านความคิด ก็มีการสืบทอดของวัฒนธรรมที่ต่างกัน เมื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมของผู้อื่นก็แน่นอนว่าจะต้องเกิดความขัดแย้งขึ้น แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง เมื่อก่อนการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศดำเนินด้วยองค์กรของรัฐหรือเจ้า หน้าที่ไม่กี่คนเท่านั้น ตอนนี้ การสื่อสารระหว่างประเทศมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด บุคคลนับไม่ถ้วนที่มีกลไกหรือเป้าหมายต่างๆสามารถข้ามพรมแดนได้อย่างค่อน ข้างอิสระขึ้น เหล่าผู้คนที่เอาวัฒนธรรมที่แตกต่างมาสัมผัสกันก็ย่อมเกิดความขัดแย้งขึ้น อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงก็ว่าได้ แต่ไม่เคยมียุคสมัยใดที่ยอมรับการมองต้นเหตุและกลไกนั้นอย่างชัดเจนและเผชิญ กับมันอย่างฉลาดเท่ายุคสมัยนี้อีกแล้ว ที่จริงแล้วในประเทศเดียวกันก็เกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรมได้ แต่ก็ไม่ถูกมองเป็นปัญหาเท่าความขัดแย้งทางวัฒธรรมระหว่างประเทศ เนื่องจากในประเทศ คนหนึ่งคนมีสิ่งที่นับถือหรือเชื่อถืออยู่มากมาย ความนับถือความเชื่อถ้าถูกหักล้าง หรือซับซ้อนขึ้น ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมก็ไม่กลายเป็นเรื่องรุนแรง แต่ทว่า มนุษย์มากมายที่มีชีวิตอยู่ในยุคชาตินิยมนั้น ในมิติของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีแนวโน้มที่จะรู้สึกรุนแรงต่อความเป็นส่วนหนึ่งของชาติหรือเผ่าพันธุ์ ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมระหว่างชาติ บางครั้งก็จะแสดงในรูปร่างที่ร้อนแรง</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ความหลากหลายทางวัฒนธรรม</span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ในเชียตะวันออกเฉียงใต้</span></strong></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ก่อนที่จะมีมนุษย์เกิดขึ้นก็มีความหลากหลายในธรรมชาติเป็นพื้นฐานมาก่อน</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">มนุษย์ก็เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน</span> <span lang="TH">ในที่แต่ละแห่งมนุษย์ก็ย่อมเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน</span> <span lang="TH">และอยู่ร่วมอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ จึงมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน</span> <span lang="TH">เรียกว่าเป็นความหลากหลายทางชีวภาพ</span> <span lang="TH">กับความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกัน</span> <span lang="TH">เพราะว่าชีวิตต้องเกิดขึ้นในที่ต่างๆ</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี </span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">2004 <span lang="TH">มีประชากรประมาณ </span>600 <span lang="TH">ล้านคน เกาะชวา คือเกาะที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก มีความหลากหลายทาง</span><a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1" rel="nofollow" style="color: #0033cc;" title="วัฒนธรรม"><b><span lang="TH">วัฒนธรรม</span></b></a> <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2" rel="nofollow" style="color: #0033cc;" title="ภาษา"><b><span lang="TH">ภาษา</span></b></a> <span lang="TH">และ</span> <a href="http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2" rel="nofollow" style="color: #0033cc;" title="ศาสนา"><b><span lang="TH">ศาสนา</span></b></a> <span lang="TH">รวมทั้งมีชาวจีนอพยพมาเป็นจำนวนมาก แต่ละประเทศพบว่า</span> <span lang="TH">มีความหลากหลาย ทางเชื้อชาติ หลากหลายศาสนา</span> <span lang="TH">มีทั้งไทย จีน ญวน ลาว เขมร มอญ มาลายู ศาสนาก็มีทั้ง พุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู</span> <span lang="TH">ซิกส์</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><i><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ศาสนาพุทธ</span></i></strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เป็นวัฒนธรรมส่วนใหญ่ของคนไทย ลาว พม่า เวียดนาม ในขณะที่</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><strong><i><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ศาสนาอิสลาม</span></i></strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ก็เป็นวัฒนธรรมส่วนใหญ่ของคนของคนมาเลเซีย อินโดนีเซีย บูรไน และ<strong><i>ศาสนาคริสต์</i></strong>เป็นวัฒนธรรมส่วนใหญ่ของคนฟิลิปินส์ ซึ่งหากแบ่งตามสถิติจะได้ดังนี้</span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">บรูไน: อิสลาม (</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">67%) <span lang="TH">พุทธมหายาน (</span>13%) <span lang="TH">คริสต์ (</span>10%) <span lang="TH">ภูตผี และอื่นๆ (</span>10%)<br /><span lang="TH">กัมพูชา: พุทธหินยาน (</span>93%) <span lang="TH">ภูตผี และอื่นๆ (</span>7%)<br /><span lang="TH">ติมอร์ตะวันออก: คริสตศาสนา (</span>95%)<br /><span lang="TH">อินโดนีเซีย: อิสลาม (</span>81%) <span lang="TH">คริสต์ พุทธ ฮินดู และอื่นๆ</span><br /><span lang="TH">ลาว: พุทธหินยาน (</span>60%) Animism <span lang="TH">และอื่นๆ (</span>40%)<br /><span lang="TH">มาเลเซีย: อิสลาม (</span>61%) <span lang="TH">พุทธมหายาน (</span>20%) <span lang="TH">คริสต์ ฮินดู และอื่นๆ</span><br /><span lang="TH">พม่า: พุทธหินยาน (</span>89%) <span lang="TH">อิสลาม (</span>4%) <span lang="TH">คริสต์ (</span>4%) <span lang="TH">ฮินดู (</span>1%) <span lang="TH">และ ภูตผี</span><br /><span lang="TH">ฟิลิปปินส์: คริสต์ (</span>92%) <span lang="TH">อิสลาม (</span>5%) <span lang="TH">พุทธ และอื่นๆ (</span>3%)<br /><span lang="TH">สิงคโปร์: ศาสนาตามประเทศจีน (พุทธมหายาน เต๋า และ ขงจื๊อ) (</span>51%) <span lang="TH">อิสลาม (</span>15%) <span lang="TH">คริสต์ (</span>14%) <span lang="TH">ฮินดู (</span>4%) <span lang="TH">อื่นๆ (</span>16%)<br /><span lang="TH">ไทย: พุทธหินยาน (</span>95%) <span lang="TH">อิสลาม (</span>3%) <span lang="TH">ฮินดู คริสต์ และ ฮินดู</span><br /><span lang="TH">เวียดนาม: พุทธมหายาน (</span>50%) <span lang="TH">ขงจื๊อ และ คริสต์ (</span>50%)</span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ที่ใดที่มีการเข้าถึงความหลากหลายทางธรรมชาติ</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ความหลากหลายทางวัฒนธรรมย่อมจะมีสันติสุขหากมีการจัดการทางวัฒนธรรมที่ดี แต่ที่ไหนที่มีความขัดแย้งก็เกิดความรุนแรงขึ้น</span> <strong><i><span lang="TH">ยกตัวอย่างประเทศ</span></i></strong><span lang="TH">พม่าเป็นที่อยู่ของชนหลายเผ่า</span> <span lang="TH">ที่อพยพมาอยู่รวมกันที่ลุ่มแม่น้ำอิรวดี ก็เกิดการกระทบกระทั่งขัดแย้งกันมาเรื่อยๆ</span> <span lang="TH">เคยมีการรวมตัวกันแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ มีการรวมตัวกันยากมาก</span> <span lang="TH">มีความขัดแย้งเรื้อรังมาเรื่อยจนถึงบัดนี้ ที่มาเลเซียและอินโดนีเซียเคยมีการทะเลาะกันระหว่างชาวมลายูกับชนเชื้อสายจีน</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">โลกปัจจุบันกำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า "สงครามวัฒนธรรม" (</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">Culture Wars) <span lang="TH">หรือ "ความขัดแย้งระหว่างอารยธรรม" (</span>The Clash of Civilizations )<span lang="TH">ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ </span>2 <span lang="TH">แบบ ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ความขัดแย้งระหว่างโลกทัศน์ที่แตกต่างทั้งสองนี้ กำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมโลกทั้งมวล รวมทั้งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "การปะทะระหว่างอารยธรรม"ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยอคติ และความคลางแคลงใจระหว่างศาสนาและเชื้อชาติ ฮันติงตัน เชื่อว่า "ความ แตกแยกระดับมหาภาคระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และที่มาของความขัดแย้งต่างๆ จะมาจากด้านวัฒนธรรม การปะทะกันระหว่างอารยธรรม จะครอบงำการเมืองโลก ... การปะทะที่สำคัญที่สุดจะเป็นการปะทะกันระหว่างอารยธรรมตะวันตก กับ "อารยธรรม ที่มิใช่ตะวันตก" ซึ่งภาพสะท้อนดังกล่าวนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ด้วยเช่นกัน</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรมมีสองวิธีคือ</span></strong></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">1.<span lang="TH">การจัดการด้วยวิธีใช้ความรุนแรงและการจัดการด้วยสันติวิธีซึ่งรายละเอียดนั้นมีดังนี้</span> <br />2. <span lang="TH">การจัดการด้วยวิธีใช้ความรุนแรง</span> <br /><span lang="TH">หากสังคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเข้าถึงความหลากหลายทางธรรมชาติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมย่อมจะมีสันติสุข ในขณะเดียวกันหากสังคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่สามารถจัดการความหลากหลายทางวัฒนธรรม และต่างวัฒนธรรมมีความขัดแย้งถือวัฒนธรรมของวัฒนธรรมตนเป็นใหญ่ เยียดหยาม ดูถูกวัฒนธรรมอื่น ก็จะนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด ซึ่งสอดกคล้องกับทฤษฎีความรุนแรงในมุมของ ลูอิส โคเซอร์ (</span>Lewis A. Coser) <span lang="TH">นักสังคมวิทยาที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน ซึ่งมีมุมมองไปในแนวทางทฤษฎีความขัดแย้ง (</span>Conflict Theory) <span lang="TH">และได้เสนอทฤษฎีหน้าที่ในทางสังคมของความรุนแรง (</span>Social Functions of Violence) <span lang="TH">โคเซอร์ได้เสนอแนวความคิดว่าความรุนแรง (</span>Violence) <span lang="TH">ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นปัญหาและสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาแท้ที่จริงแล้วมี หน้าที่ (</span>Function) <span lang="TH">ที่สำคัญยิ่งในทุกสังคมนักทฤษฎีในแนวขัดแย้งนี้เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลง (</span>Change) <span lang="TH">เป็นสิ่งปกติ (</span>Normal) <span lang="TH">และไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา (</span>Undesirable) <span lang="TH">แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน (</span>Radical Change) <span lang="TH">ก็ตาม</span> <br /><span lang="TH">การใช้ความรุนแรงในการเป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ และสำหรับผู้มีอำนาจเหล่านี้ความสำเร็จก็คือ "อำนาจ" ที่มากขึ้นและเด็ดขาด และนี่คือลักษณะการใช้ความรุนแรงของผู้ที่เข้มแข็ง เพื่อให้คนสังคมที่อยู่ในรัฐเดียวกัน พรมแดนเดียวกันถืงแม้จะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมยอมรับและปฏิบัติวัฒนธรรม ของผู้มีอำนาจและอาจถึงขั้นปฏิเสธและยกเลิกวัฒนธรรมท้องถิ่นอันนำไปสู่ความ ปึกแผ่นของวัฒนธรรมชาติในขณะเดียวกันวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความหลากหลายใน แต่ละประเทศก็จะใช้ความรุนแรงในฐานะของผู้ที่อ่อนแอ เช่นกันเพื่อต่อสู้วัฒนธรรมของตน เป้าหมายของการใช้ความรุนแรงส่วนใหญ่กลับไม่ได้เป็นอำนาจ แต่บางครั้งเป็นแค่ การเรียกร้อง (</span>Demand) <span lang="TH">การประท้วง (</span>Protest) <span lang="TH">การแสดงความไม่เห็นด้วย (</span>Disagreement) <span lang="TH">หรือการอยากให้สังคมรับรู้ (</span>Recognition) <span lang="TH">เราจะเห็นสิ่งเหล่านนี้ในชนกลุ่มน้อยในแต่ละประเทศ ไม่ว่าภาคใต้ของไทย หรือภาคใต้ของฟิลิปินส์ โรฮิงยาในพม่า กรณีที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นภาคใต้หรือผู้ก่อการนี้ ความรุนแรงที่ถูกใช้โดยรัฐผ่านเจ้าหน้าที่รัฐบางคนในอดีต ทั้งที่เป็นความรุนแรงแบบที่ใช้กำลัง (</span>Physical Violence) <span lang="TH">เช่นการจับกุม ข่มขู่ ต่างๆนานา หรือการใช้กำลังผ่านระบบหรือโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรม (</span>Structural Violence) <span lang="TH">เช่น การตรวจค้นแบบไม่มีเหตุผล การแสดงความประพฤติในแนวดูถูกเชื้อชาติหรือศาสนา หรือมองผู้ก่อการหรือผู้ต้องหาไม่ใช้คนไทย ไม่ใช่อินโดนีเซีย ไม่ใช่พม่า ไม่ใช่เวียดนามและอื่นๆ เหล่านี้ล้วนเป็นความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อรัฐต่อสังคมโดยรวม และนี่ทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้มีชะตากรรมร่วมกัน ความรู้สึกความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ ยังเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่เหตุการณ์กรือเซะ ตากใบหรือการที่ชาวบ้านโดนถล่มด้วยอาวุธสงครามพร้อมความรู้สึกจากชาวบ้านว่า ทหาร ตำรวจเป็นคนทำเพราะชาวบ้านจะเอาอาวุธสงครามมาจากไหนในท่ามกลางทหารและตำรวจ เต็มพื้นที่เกือบทุกตารางนิ้ว หลายๆ ครั้งคนระดับเสนาบดีของรัฐเคยใช้ด้วยถ้อยคำที่ ความรุนแรงและดูถูกคนในพื้นที่ว่าไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐ ความรุนแรงในทางคำพูด (</span>Verbal Violence) <span lang="TH">ดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยให้เหตุการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังตอกย้ำสะท้อนให้เห็นถึงระยะห่างระหว่างชาวบ้านและรัฐที่นับวันจะยิ่งแย่ลงอีกด้วย สุดท้ายความรุนแรงในการปราบปรามในอดีตแบบเวี่ยงแห อคติต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอีกชนวนที่ทำให้ความรุนแรงนั้นขยายตัว ที่สำคัญความขัดแย้งขยายวงไปสู่กรอบของศาสนาด้วยเพราะรัฐส่วนใหญ่เป็นชาวไทย พุทธและประชาชนส่วนเป็นมลายูมุสลิม และปัจจัยเหล่านี้เอง ก็ให้เกิดความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การจัดการด้วยสันติวิธี</span></strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br /><span lang="TH">ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังประสบภาวะวิกฤต ทั้งทางการเมืองและทางสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งถ้าคลี่คลายไม่ได้จะนำไปสู่ภาวะวิกฤตทางจิตใจ เศรษฐกิจ และอื่นๆ รวมถึงอาจเกิดการปะทะรุนแรง ถึงขั้น บาดเจ็บ ล้มตาย ทรัพย์สินเสียหาย ฯลฯ กลายเป็น "โศกนาฏกรรม" ที่สร้างรอยร้าวและบาดแผลในดวงจิตของคน "สันติวิธี" เป็นสะพานสู่ทางออกจากวิกฤต "สันติวิธี" จึงน่าจะเป็น "สะพานสู่ทางออก" จาก "วิกฤตความรุนแรงอันเนื่องมาจากความหลากหลายทางวัฒนธรรมของสังคมไทยและ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ในปัจจุบัน</span><br /><span lang="TH">สันติวิธี คือวิธีการจัดการกับความขัดแย้งวิธีหนึ่ง การใช้สันติวิธีมีเหตุผลสำคัญตรงที่ว่า เป็นวิธีการที่น่าจะมีการสูญเสียน้อยที่สุด ทั้งระยะสั้นระยะยาว ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ผิดกับการใช้ความรุนแรง ซึ่งทุกฝ่ายอ้างว่าเป็นวิธีการสุดท้าย ซึ่งบางกรณีสามารถบรรลุผล ในระยะสั้นเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่หากความขัดแย้งดำรงอยู่เพียงแต่ถูกกดไว้</span> <br /><span lang="TH">โอกาสที่จะเกิดความรุนแรงในระยะยาวย่อมมีอยู่ ส่วนในทางนามธรรม เช่น ความเข้าใจอันดี ความสามัคคีปรองดอง นั้นย่อมเกิดขึ้นได้ยากด้วยวิถีความรุนแรง บางคนมองสันติวิธีในลักษณะปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจ เช่น การใช้ปฏิบัติการไร้ความรุนแรง เพื่อให้รัฐหรือผู้มีอำนาจเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือพฤติกรรมบางคนใช้สันติวิธี เพราะความเชื่อว่าจะให้ผลที่ยั่งยืนและเป็นไปตามหลักจริยธรรม หรือ ศาสนธรรม บางคนใช้สันติวิธีตามหลักการบริหารเพื่อลดความขัดแย้ง ไปใส่รูปแบบอื่นที่จะจัดการได้ดีกว่า โดยไม่ใช้ความรุนแรง ลักษณะสำคัญของสันติวิธี คือ ไม่ใช่วิธีที่เฉื่อยชาหรือยอมจำนน หากเป็นวิธีที่ขันแข็งและต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่ยุทธวิธีที่เลือกใช้ในบางโอกาส หากเป็นยุทธศาสตร์ที่ปฏิบัติได้อย่าสม่ำเสมอ เป็นสัจธรรมที่น่าเชื่อถือไม่ใช่วิธีที่ดีในเชิงกระบวนการเท่านั้น หากเป็นวิธีที่หวังผลที่กลมกลืนกับวิธีการด้วย</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ความขัดแย้งทางสังคม และความมั่นคงแห่งชาติในมิติใหม่</span></strong></div>
<div align="center" style="margin: 6pt 0cm; text-align: center;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ปัญหาความขัดแย้งในสังคมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติมี ๓ ระดับ คือ</span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ระดับความขัดแย้งในขั้นต้น</span></strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เป็นความขัดแย้งเฉพาะหน้า ที่ต้องประเมินสถานการณ์ว่าจะเกิดความรุนแรงหรือไม่ และมีทิศทางอย่างไร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ทหารสามารถเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ได้</span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ระดับความขัดแย้งในเชิงโครงสร้าง</span></strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในระบบต่าง ๆ ของสังคม ซึ่งต้องแก้ปัญหา</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ที่ระบบ</span> <span lang="TH">และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม</span></strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากแนวความคิดและการดำเนินวิถีชีวิตที่มีความแตก ต่างกัน</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ซึ่งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในระดับนี้ต้องอาศัยระยะเวลา และต้องให้ความสำคัญกับคนทุกเชื้อชาติและทุกวัฒนธรรม</span></span></div>
<div style="margin: 6pt 0cm;">
<strong><i><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ความขัดแย้งของสังคมไทยที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติและแนวทางแก้ไข</span></i></strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br />- <span lang="TH">การปฏิรูประบบราชการในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะการเปิดกว้างให้สามัญชนทั่วไปสามารถเข้าถึงระบบการศึกษา ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงโครงสร้างโดยมีชนชั้นกลางเข้าสู่ระบบราชการมากขึ้น และส่วนหนึ่งของข้าราชการที่มาจากชนชั้นกลางนี้กลายเป็นกลุ่มเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากการปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมิได้เป็นไปอย่างที่</span> <span lang="TH">ทุกฝ่ายคาดหวัง แต่กลับนำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดการ ปฏิวัติรัฐประหารในเวลาต่อมาอีกหลายครั้ง และเมื่อ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้ายึดอำนาจและขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้นำพาประเทศเข้าสู่กระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรมตามแนวทางชาติตะวันตก มีการกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติขึ้น และมีการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ทำให้เกิดชนชั้นกลางที่มาจากนายทุนนอกระบบราชการจำนวนมาก ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงโครงสร้างอีก ครั้งหนึ่ง ทั้งนี้<strong>ความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมมักจะนำไปสู่ความขัดแย้งในเชิงโครงสร้างเสมอ</strong></span> <span lang="TH">เช่นเดียวกับที่สังคมไทยประสบ โดยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลายครั้งได้ขยายวงกว้างจนนำไปสู่การต่อสู้โดยใช้ความรุนแรง ทำให้สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง จนประเทศชาติขาดความมั่นคง ดังเห็นได้จากเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยตลอดมาตราบจนถึงปัจจุบัน</span> <br />- <span lang="TH">ในห้วงระยะเวลา </span>20 <span lang="TH">ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของไทยเจริญเติบโตทำให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ระบบการกระจายรายได้ยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทาง เศรษฐกิจและสังคมระหว่างสังคมเมืองและชนบทอย่างมาก</span> <span lang="TH">ทั้งนี้การพัฒนาและการปฏิรูปในแต่ละครั้งที่ดำเนินการโดยละเลยชาวบ้านในชนบท ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ยิ่งเพิ่มช่องว่างของความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้มีมากขึ้น จนกระทั่งการเมืองไทยในระยะหลังได้มีการดำเนินนโยบายที่กระจายผลประโยชน์ไป สู่ชนบทด้วย "นโยบายประชานิยม" ซึ่งเป็นการเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว ทำให้ประชาชนระดับรากหญ้าให้ความนิยมเนื่องจากได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยที่ประชาชนเหล่านั้นมิได้คำนึงว่าผลประโยชน์ที่ได้รับเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและมิใช่</span> <span lang="TH">การพัฒนาที่ยั่งยืนในขณะที่ประชาชนในเมืองโดยเฉพาะปัญญาชนเห็นว่า นโยบายดังกล่าวไม่ชอบธรรมเพราะเป็นการนำภาษีจากรายได้ของพวกตนไปให้กับชาวชนบท จึงต่อต้านแนวนโยบายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งทางความคิดที่ลุกลามนำไปสู่การรัฐประหารในปี๒๕๔๙ ในที่สุด</span><br />-<span lang="TH">สังคมไทยมีความหลากหลายของชาติพันธุ์ แต่แนวคิดในอดีตไม่ให้การยอมรับในความหลากหลายจึงมีการใช้นโยบายผสมผสาน ระหว่างเชื้อชาติเพื่อให้เกิดความกลมกลืนเป็นไทย</span> <span lang="TH">โดยมิได้คำนึงถึงแนวคิดของกลุ่มชนเชื้อชาติต่างๆ ส่งผลให้เกิด</span><b> </b><strong><span lang="TH">ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม</span></strong> <span lang="TH">ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในกรณีพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม ที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่างไปจากประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลในอดีตได้เคยดำเนินนโยบายให้มีการผสมกลมกลืนให้เกิดความเป็นไทย ทำให้ชาวไทยมุสลิมเกิดความรู้สึกขัดแย้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายดังที่เห็นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาครัฐมีการยอมรับในความหลากหลาย และได้ตระหนักแล้วว่าการที่แต่ละเชื้อชาติดำรงอัตลักษณ์เดิมของตนนั้นเป็น แนวทางเชิงบวกเนื่องจาก ความหลากหลายของเชื้อชาติก่อให้เกิดความหลากหลายของวัฒนธรรม และความหลากหลายของภูมิปัญญาซึ่งจะกลายเป็นทางเลือกที่หลากหลายในการแก้ปัญหาต่างๆในแต่ละพื้นที่</span><br />-<span lang="TH">ปัจจุบันโลกาภิวัตน์ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ที่สังคมไทยโดยเฉพาะในชนบทรู้ ไม่เท่าทันองค์ความรู้ดังกล่าว อีกทั้งทุนนิยมแบบใหม่กำลังรุกล้ำเข้าสู่ชนบทท้องถิ่นโดยมีการละเมิด ทรัพยากร- ธรรมชาติในพื้นที่ป่า ลุ่มน้ำ ชายฝั่งทะเล ฯลฯ ผ่านอำนาจอนุมัติของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยทรัพยากรเหล่านี้ถือเป็นต้นทุนชีวิตซึ่งมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคน ไทยทั้งชาติ จึงเป็นเรื่องที่สร้างความขัดแย้งแก่สังคมไทย โดยประชาชนในเมืองหรือในศูนย์กลางประเทศซึ่งส่วนใหญ่มีความรู้แต่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างเพียงพอและอาจจะไม่สามารถรวมพลังเพื่อปกป้องสิทธิได้ อีกทั้ง "การถ่วงดุล" อำนาจอธิปไตยของไทย ๓ ด้าน คือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ยังเข้าไปถ่วงดุลในระดับท้องถิ่นได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นการถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพด้วยการรวมพลังแสดงสิทธิปกป้องทรัพยากร จึงควรมาจากระดับท้องถิ่นทั้งระดับ อบต. หรือ อบจ.</span><b> </b><span lang="TH">และที่สำคัญยิ่งคือประชาชนในท้องถิ่น</span> <span lang="TH">โดยรัฐต้องให้ประชาชนได้รับการศึกษาเพื่อให้รู้เท่าทันโลกาภิวัตน์ รวมทั้งต้องทำให้การปกป้องสิทธิของประชาชนในท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม แม้การปกป้องสิทธิจะเป็นพื้นฐานสำคัญของพลังภาคประชาชน แต่ก็มักนำไปสู่ความขัดแย้งในพื้นที่เสมอ ดังเห็นได้จาก กรณีการปะทะกันระหว่างประชาชนกับตำรวจในการคัดค้านท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา </span> <span lang="TH">การประท้วงของคนในชุมชนมาบตาพุด เป็นต้น</span> </span></div>
</div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-5553560648103277402012-07-01T02:58:00.001-07:002012-07-04T19:35:08.827-07:00การพัฒนาอย่างยั่งยืน<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a>แนวทางการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน</h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><div>
<span style="color: #333333; font-family: Angsana New; font-size: 20pt;"> <b><span lang="TH">การนำทรัพยากรในธรรมชาติมาประกอบอาชีพ</span></b></span></div>
<span style="color: #333333; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">แนวคิดในการใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นผลสืบมาจากการเกิดสภาวะความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม</span> <span lang="TH">ที่นับวันจะทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อคนเราเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่องค์การสหประชาชาติได้</span><br /> <b><span lang="TH">ความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน</span> </b><br /> - <span lang="TH">การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นคำที่มีรากฐานมาจากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ การเพิ่มผลผลิต และการใช้หรือจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ</span><br /><span lang="TH">สิ่งแวดล้อมอย่างฉลาด รู้จักถนอมในการใช้ เพื่อให้มีไว้ใช้ เพื่อใช้มีอย่างยาวนานจนถึงคนรุ่นหลัง</span><br /> - <span lang="TH">การใช้ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน</span> <span lang="TH">หมายถึง การนำทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ เพื่อให้มีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมนั้นด้วยประสิทธิภาพลง หรือกระทบกระเทือนต่อคนรุ่นหลัง</span> <br /> <b><span lang="TH">แนวทางในการปฏิบัติที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน</span></b><br /> - <span lang="TH">ประชาชนและภาครัฐต้องช่วยกันควบคุมปล่อยของเสียที่สร้างขึ้นให้ออกสู่ธรรมชาติน้อยลง</span><br /> - <span lang="TH">ประชาชนและภาครัฐต้องรู้จักวิธีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ</span><br /> - <span lang="TH">ประชาชนทุกคนต้องเกิดจิตสำนึกร่วมกัน</span> <span lang="TH">โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคทรัพยากร</span><br /><span lang="TH">ธรรมชาติให้เหมาะสม</span><br /> - <span lang="TH">ภาครัฐควรวางมาตรการการประจายรายได้ออกไปสู่ภาคประชาชนในทุกกลุ่มทุกอาชีพ</span> <br /><span lang="TH">เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ</span><br /> - <span lang="TH">ภาครัฐควรวางมาตรการในการควบคุมอัตราการเพิ่มของจำนวนประชากร</span> <br /> <span lang="TH">นโยบายและวิธีการจัดการด้านทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของรัฐบาลไทย</span><br /><span lang="TH">รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา มีนโยบายให้จัดการสำรวจที่ดินว่างเปล่าที่ยังไม่มีเจ้าของ</span> <span lang="TH">มาจัดวางระเบียบการจับจองที่ดินให้เหมาะสมแก่การเพาะปลูก</span> <span lang="TH">และจัดวางแผนส่งเสริมชลประทาน</span><br /><span lang="TH">รัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์</span> <span lang="TH">ปราโมช มีนโยบายเร่งดำเนินโครงการชลประทานขนาดเล็กส่งเสริมการประมงและปศุสัตว์จนสามารถเป็นสินค้าออก</span> <span lang="TH">และป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นสมบัติของส่วนรวมรัฐจะอนุรักษ์และพัฒนาป่าไม้ให้คงสภาพและเกิดความสมบูรณ์เป็นแหล่งของต้นน้ำลำธาร รัฐบาลพลเอกสุจินดา</span> <span lang="TH">คราประยูร มีนโยบายในการที่จะอนุรักษ์คุ้มครองและป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติทั้งดิน</span> <span lang="TH">ป่าไม้</span> <span lang="TH">และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆและให้ประชาชนในพื้นที่มีบทบาทในการอนุรักษ์ทรัพยากรฯให้มากยิ่งขึ้นนอกจากนี้จะกวดขันให้เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลทรัพยากรฯอย่างเข้มงวดโดยใช้ภาพจากดาวเทียมในการควบคุม รัฐบาลนายชวน</span> <span lang="TH">หลีกภัย มีนโยบายเร่งรัดการปฏิรูปที่ดินและการออกเอกสารสิทธิ์เพื่อกระจายสิทธิ์การถือครองที่ดินให้แด่เกษตรกรผู้ยากไร้</span> <span lang="TH">เพื่มมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกและการตัดไม้ทำลายป่า รัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ</span> <span lang="TH">ชินวัตร มีนโยบายในการฟื้นฟูสภาพและคุณภาพการป้องกันการเสื่อมโทรมหรือการสูญสิ้นไปและการนำกลับมาใช้ใหม่ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ</span> <span lang="TH">เกิดความสมดุลในการพัฒนา</span><br /> <b><span lang="TH">แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกับรูปแบบและแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน</span> </b><br /> - <span lang="TH">แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ </span>6 (<span lang="TH">พ.ศ.</span>2530-2534) <span lang="TH">เป็นแผนพัฒนาฯที่เน้นพัฒนาประเทศให้ก้าวควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่สะสมมาจากแผนพัฒนาฯฉบับที่ผ่านมาเน้นการใช้ทรัพยากรทุกชนิดอย่างมีคุณภาพ</span> <span lang="TH">และเน้นเศรษฐกิจ</span> <span lang="TH">การเมืองสังคม ให้มีความเกื้อกูลซึ่งกันและกัน</span><br /> - <span lang="TH">แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ </span>7 (<span lang="TH">พ.ศ.</span>2535-2539) <span lang="TH">เป็นแผนพัฒนาฯที่มุ่งให้เกิดความสมดุลระหว่างการพัฒนาในเชิงปริมาณคุณภาพและความเป็นธรรมในสังคมเน้นการกระจายรายได้และความรู้ไปสู่ภูมิภาค</span> <span lang="TH">เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์</span> <span lang="TH">คุณภาพชีวิตและการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ</span><br /> - <span lang="TH">แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ </span>8 (<span lang="TH">พ.ศ.</span>2540-2544) <span lang="TH">เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน</span><br /><span lang="TH">และแท้จริง</span> <span lang="TH">โดยกำหนดการพัฒนาคนเป็นวัตถุประสงค์หลัก</span> <span lang="TH">และในส่วนของการจัดการทรัพยากรฯและสิ่งแวดล้อม</span> <span lang="TH">มีการวางแผนจัดการเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์และเกิดความสมดุลต่อระบบนิเวศวิทยาและให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ</span> <span lang="TH">เป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อสังคมและชุมชนอย่างแท้จริง</span><br /> - <span lang="TH">แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ </span>9 (<span lang="TH">พ.ศ.</span>2545-2549) <span lang="TH">เป็นแผนพัฒนาที่ได้อัญเชิญแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นปรัชญานำทางในการพัฒนาและบริหารประเทศ</span> <span lang="TH">เพื่อให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจนำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลมีคุณภาพ</span></span></div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-38251861061832238272012-07-01T02:56:00.003-07:002012-07-04T19:35:08.819-07:00ค่านิยม<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a> ค่านิยมในสังคมโลก</h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><div align="center" style="text-align: center;">
<br /></div>
<div align="center" style="text-align: center;">
<b><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 20pt;">ค่านิยม</span></b></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ความหมายของค่านิยมมีผู้รู้หลายท่านได้ให้ความหมายไว้ดังนี้</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ค่านิยม มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า </span>“Value” <span lang="TH">และมาจากคำสองคำคือ </span>“<span lang="TH">ค่า</span>” “<span lang="TH">นิยม</span>”<span lang="TH">เมื่อคำสองคำรวมกันแปลว่า การกำหนดคุณค่า</span> <span lang="TH">คุณค่าที่เราต้องการทำให้เกิดคุณค่า คุณค่าดังกล่าวนี้มีทั้งคุณค่าแท้และคุณค่าเทียม ซึ่งคุณค่าแท้เป็นคุณค่าที่สนองความต้องการในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนคุณค่าเทียม หมายถึงคุณค่าที่สนองความต้องการอยากเสพสิ่งเปรนเปรอชั่วคู่ชั่วยาม</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ค่านิยม หมายถึง ทัศนะของคนหรือสังคมที่มีต่อสิ่งของ ความคิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปรารถนา คุณค่าและความถูกต้องของสังคมนั้นๆ เช่น ชาวอเมริกันถือว่า</span> “<span lang="TH">ประชาธิปไตย</span>”<span lang="TH">มีค่าสูงสุดควรแก่การนิยมควรรักษาไว้ด้วยชีวิต อเมริกันรักอิสระ เสรีภาพ และความก้าวหน้าในการงานเป็นต้น ส่วนค่านิยมของคนไทยหรือคนตะวันออกโดยทั่วไปนั้นแตกต่างจากค่านิยมในอเมริกันหรือคนตะวันตก เช่น คนไทยถือว่าความสงบสุขทางจิตใจและการทำบุญให้ทานเป็นสิ่งที่พึงปรารถนา การเคารพเชื่อฟังบิดามารดาและการกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่ควรยกย่อง</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ค่านิยม หมายถึง สิ่งที่บุคคลพอใจหรือเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า แล้วยอมรับไว้เป็นความเชื่อ หรือความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ค่านิยมจะสิงอยู่ในตัวบุคคลในรูปของความเชื่อตลอดไป จนกว่าจะพบกับค่านิยมใหม่ ซึ่งตนพอใจกว่าก็จะยอมรับไว้ เมื่อบุคคลประสบกับ การเลือกหรือเผชิญกับเหตุการณ์ ละต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเข้าจะนำค่านิยมมาประกอบการตัดสินใจทุกครั้งไป ค่านิยมจึงเป็นเสมือนพื้นฐานแห่งการประพฤติ ปฏิบัติของบุคคลโดยตรง</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> “<span lang="TH">ค่านิยม</span>” <span lang="TH">คือ ความคิด (</span>Idea) <span lang="TH">ในสิ่งที่ควรจะเป็นหรือสิ่งที่ถูกต้องพึงปฏิบัติมีความสำคัญ และคนสนใจ เป็นสิ่งที่คนปรารถนาจะได้ หรืจะเป็นและมีความสุขที่จะได้เป็นเจ้าของ</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> “<span lang="TH">ค่านิยม</span>” <span lang="TH">หมายถึง ความเชื่อว่าอะไรดี ไม่ดี อะไรควร ไม่ควร เช่น เราเชื่อว่าการขโมยทรัพย์ของผู้อื่น การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่ดี</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ค่านิยม หมายถึง </span>“<span lang="TH">ระบบความชอบพิเศษ</span>” <span lang="TH">เพราะสิ่งที่เราชอบมาก เราจะให้คุณค่ามากกว่าสิ่งที่เราไม่ชอบ ค่านิยมอาจแบ่งเป็น</span> <span lang="TH">๒</span> <span lang="TH">ประเภท ได้แก่</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">๑. ค่านิยมเฉพาะตัว (</span>Individual Value)</span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">๒. ค่านิยมสังคม (</span>Social Value)</span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ค่านิยมทางสังคม เป็นระบบความชอบพิเศษที่คนในแต่ละสังคมมีอยู่ ค่านิยมประเภทนี้เกิดจากการเรียนรู้จากสังคมในระดับต่าง ๆ</span> <span lang="TH">ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม เช่น นาย ก ชอบสิ่งใดมากก็จะทำสิ่งนั้นมากเป็นต้น ดังนั้นการสังเกตค่านิยม ของสังคมอาจพิจารณาได้จากพฤติกรรมเด่น ๆ</span> <span lang="TH">ของสมาชิกในสังคมแล้วอนุมานมานว่า สังคมนั้นมีค่านิยมอย่างไร เช่น ค่านิยมสังคมไทยที่เป็นค่านิยมดั้งเดิม คือ ยึดถือตัวบุคคล ความรักสนุก และยึดทางสายกลาง เป็นต้น</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <b><span lang="TH">ลักษณะของค่านิยม</span></b><span lang="TH">ที่แท้นั้นจะมีลักษณะดังต่อไปนี้</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">๑. เป็นค่านิยมที่บุคคลเลือกหรือยอมรับ โดยไม่ได้ถูกบังคับบุคคลมีเสรีภาพในการตัดสินใจเลือกหรือยอมรับค่านิยมใดก็ได้ที่เห็นว่าเหมาะสมน่าปฏิบัติ</span></span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">๒. เป็นค่านิยมที่บุคคลมีโอกาสเลือกจากตัวเลือกหลายๆ ตัว ไม่ใช่เป็นเพราะมีตัวเลือกจำกัดเพียงสิ่งเดียว จึงทำให้ต้องยอมรับโดยปริยาย</span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">๓. เป็นค่านิยมที่ได้รับการกลั่นกรองพิจารณาอย่างรอบคอบจากบุคคลตลอดจนมีการวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของตัวเลือกหลายๆ ตัว เมื่อเห็นว่าตัวเลือกใดดีที่สุดเหมาะสมที่สุดหรือมีเหตุผลในการสร้างความพอใจได้มากที่สุดก็จะเลือกตัวเลือกนั้น</span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">๔.</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">เป็นค่านิยมที่บุคคลยกย่อง เทิดทูนและภูมิใจ</span></span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">๕.</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">เป็นค่านิยมที่บุคคลสามารถยอมรับอย่างเปิดเผยและพร้อมที่จะสนับสนุนค่านิยมที่ตนยอมรับ</span></span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">๖.</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">เป็นค่านิยมที่บุคคลยึดถือปฏิบัติจริงไม่ใช่เพียงคำพุดเท่านั้น</span></span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">๗. เป็นค่านิยมที่บุคคลปฏิบัติอยู่เสมอๆ บ่อยๆ ไม่ใช่ปฏิบัติเป็นครั้งคราว</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br /> <span lang="TH">จากลักษณะข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าค่านิยมที่แท้นั้นเป็นค่านิยมที่ผ่านการเลือกมาอย่างดีและเมื่อเลือกแล้วก็ถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอด้วยความมั่นใจความภูมิใจ</span></span></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">จากคำนิยามต่าง ๆ เหล่านี้พอจะสรุปได้ว่าค่านิยมนั้น เป็นความคิดหรือความเชื่อที่บุคคลพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณค่า จึงนำมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจที่จะแสดงพฤติกรรมออกมาในสถานการณ์ต่าง ๆ กัน</span></span></div>
</div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
<div id="sites-canvas-bottom-panel">
<div id="COMP_page-subpages" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
</div>
<a href="" name="page-comments" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"></a></div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-20228755384399857762012-07-01T02:55:00.001-07:002012-07-04T19:35:08.762-07:00ความหลากหลาย<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a>ความหลากหลายของประชากรโลก</h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><div align="center" style="text-align: center;">
<b><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 20pt;">ความหลากหลายของประชากรโลก</span></b></div>
<div>
<b><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เมื่อประชากรโลกเหยียบ</span></b><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> 7,000 <span lang="TH">ล้านคน</span> : <span lang="TH">สภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร</span></span></b></div>
<div>
<b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">จากที่จั่วหัวไว้ที่หัวเรื่อง การคาดการณ์ประชากรโลกในปี</span> 2011 <span lang="TH">ของสมาคมประชากรโลกที่ หนังสือวารสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค ฉบับเดือนมกราคม</span> 2554 <span lang="TH">นำมาลงหน้าปก เป็นการเตือนว่าในปีนี้ ประชากรโลกจะมีจำนวนถึง</span> 7,000 <span lang="TH">ล้านคน ที่หลายประเทศจะต้องไม่ละเลย และเตรียมการรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากร ซึ่งไม่กี่ปีมานี้เราพูดถึงประชากรโลกที่</span> 6,000 <span lang="TH">ล้านคน ทำให้ต้องแก่งแย่งทรัพยากรกันมหาศาล</span></span></b></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">แต่ในขณะที่ปีนี้ประชากรโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เพราะที่ผ่านมาปัญหาของประชากรยังไม่ดูรุนแรงเท่ากับปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง หรือปัญหาโลกร้อนที่กล่าวถึงกันในปัจจุบัน ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ประชากรเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น ในบางประเทศที่มีผู้สูงอายุปริมาณมากขึ้นต้องเป็นภาระที่รัฐบาลในหลายประเทศประสบปัญหาในการให้บริการทางสุขภาพ ความเป็นอยู่ของประชากรสูงวัยเหล่านั้นด้วยต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาลในการดูแลเป็นภาระของประชากรวัยทำงานที่ต้องแบกภาระอีกทางหนึ่ง</span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">อย่างไรก็ตามความต้องการอาหาร ทรัพยากรที่มีมากขึ้น กระทบต่อสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อมของโลกใบนี้อย่างมาก ตั้งแต่ทรัพยากรที่ดินแหล่งเพาะปลูก ที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า พืชพรรณธรรมชาติต่างถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ทรัพยากร ของประชากรโลก มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเมืองจึงไม่เพียงแต่สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังมีการขยายเมืองในพื้นที่รอบนอกอย่างมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่สัตว์ป่าพืชพรรณตามธรรมชาติจะสูญพันธุ์เร็วขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์</span></div>
<div>
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">จากสภาพที่เปลี่ยนแปลงจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ที่กล่าวมาแล้วผลจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมจนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือการใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมหาศาล ในกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมเหล่านั้น ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ไม่น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ไม่ว่าน้ำท่วม ภาวะความแห้งแล้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความรุนแรง หรือความถี่มากขึ้น นอกจากนี้ขอบเขตของผลกระทบที่เกิดขึ้น จากความสามารถของธรรมชาติที่เคยฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว กับดูเหมือนว่าโลกใบนี้เริ่มล้า และอ่อนแรง การฟื้นฟูสภาพกลับมาดังเดิมดูจะเป็นเรื่องยาก อย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำในทะเลจนเกิดปะการังฟอกขาว ที่พยายามจะพื้นฟูโดยเทคโนโลยีต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร</span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การบริโภคทรัพยากรต่างๆ ของมนุษย์ ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากร ก่อให้เกิดมลพิษจำนวนมาก มีความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพหลายชนิดที่ส่งผลกระทบกลับมายังระบบนิเวศ เช่น ความต้องการพลังงาน ใช้ทรัพยากรเชื้อเพลิงปริมาณมากๆ และเกิดมลพิษทางอากาศ ส่งผลกลับมาที่พืชพรรณในพื้นที่ได้รับฝนกรดจากการสะสมตัวของไอกรดจากการผลิตพลังงานในพื้นที่</span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว บนโลกใบนี้จนยากจะฟื้นฟูกลับมาดังเดิม ทำให้มนุษย์ชาติ ต้องปรับตัว บทความนี้จึงอยากจะเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน และผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศได้พิจารณา ดังนี้</span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">1. <span lang="TH">แนวคิดเมืองช้า</span> (slowly city) <span lang="TH">คือการใช้ชีวิต ทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันในเมืองที่เคยเร่งรีบตั้งแต่การกิน การนอน การทำงานให้ช้าลงไป จากการแข่งขัน แก่งแย่งกันในเรื่องต่างๆ ของชีวิต ลองหันกลับมาทบทวน และลดความเร็วในการใช้ชีวิตดูบ้าง ที่เป็นรูปธรรมได้แก่ การกินโดยการเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น ละเอียดขึ้น การทำงานที่ใช้สติรอบคอบ การนอนที่เหมาะสมกับวัย การเดินทางที่หันมาเดินแทนการขับรถซิ่งตามท้องถนน สร้างกฎกติกาการดำเนินชีวิตอย่างช้าๆ บ้าง จะทำให้เราได้ตระหนักถึงความเป็นไปในการดำเนินชีวิตและความสวยงามของการใช้ชีวิตอย่างประณีตมากขึ้น ในเมือง</span> slow city <span lang="TH">จริงๆ มีให้เห็นอยู่มากในเมืองชนบท เมืองเกษตรกรรมต่างๆ ที่ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายและดั้งเดิม ดูจะเป็นวิถีแบบไทยๆ ที่น่าสัมผัส</span> slow city <span lang="TH">จึงไม่ใช่เมืองฝันกลางวันแต่เป็นเมืองแห่งการมีสติ และมองรอบด้านด้วยการเห็นคุณค่าของเวลาและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ร่วมกัน ข้อเสนอแนวคิดนี้จึงน่าจะเป็นการเริ่มที่ตัวเราเองก่อน ประเทศไทยได้เสนอเมืองลำพูน เป็นตัวอย่างเมือง</span>slow city <span lang="TH">ที่เรียกว่าเมืองสบาย สบาย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างเมืองอื่นๆ ที่มีความเป็นอยู่และวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน</span></span></div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">2. <span lang="TH">แนวคิด</span> small is beautiful <span lang="TH">เป็นแนวคิดของนักเขียน ชูมัคเกอร์ ชาวเยอรมัน ที่นำเสนอการทำงานเล็กๆ ที่ให้ความเป็นตัวตนของเรา การขับเคลื่อนของธุรกิจที่มีความคล่องตัวกว่าธุรกิจขนาดใหญ่</span></span></div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-56507159588963715922012-07-01T02:52:00.001-07:002012-07-04T19:35:08.836-07:00การพึ่งพาอาศัย<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a>การพึ่งพาอาศัยกันในโลกยุคโลกาภิวัฒน์</h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><strong><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 20pt;"> <span lang="TH">โลกยุคโลกาภิวัตน์</span></span></strong><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 20pt;"> </span><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 20pt;"><br /></span><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br /> <span lang="TH">คำว่า </span>“<span lang="TH">โลกาภิวัตน์</span>” <span lang="TH">หมายถึง การแพร่กระจายไปทั่วโลก (ของข่าวสาร) การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดสามารถรับรู้ สัมผัส หรือ รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กว้างขวาง สืบเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ ดังนั้นยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร (</span>Information Age) <span lang="TH">ที่ไร้พรมแดน อันเป็นยุคที่มีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทางด้านเทคโนโลยีสื่อสารและคมนาคม ทำให้ประเทศต่าง ๆ ได้เข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น กระแสโลกทั้งในรูปของทุนและข้อมูล รวมทั้งค่านิยมบางประการ เช่น สิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม ได้ขยายตัวครอบคลุมไปทั่วโลก</span> <br /><br /> <span lang="TH">ลักษณะสำคัญของโลกาภิวัตน์ จึงเป็นความหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายกิจกรรม</span><br /><span lang="TH">การดำเนินงาน ซึ่งแต่เดิมอาจจะผูกขาดอยู่ ณ ศูนย์หรือแหล่งไม่กี่แห่งในโลก ออกไปยังท้องถิ่นหรือศูนย์ใหม่ๆ หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า สังคมยุคโลกาภิวัตน์จึงเป็นโลกที่มนุษย์สามารถข้ามพรมแดนของประเทศและสามารถทะลุกาลเวลาได้ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศในการติดต่อสื่อสารในลักษณะที่ไร้พรมแดน โลกในสายตาของผู้ที่อาศัยเทคโนโลยี จึงเป็นโลกใบเล็กที่สามารถติดต่อถึงกันได้ง่ายและรวดเร็ว</span> <br /> <br /> <span lang="TH">ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองโลก มีผลทำให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โลกที่เคยกว้างใหญ่กลับเล็กลง ดินแดนแต่ละประเทศที่อยู่ห่างไกลกันสามารถติดต่อกันได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีประดุจเป็นหมู่บ้าน (</span>Global Village) <span lang="TH">ภูเขาและทะเล ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่ ดูเสมือนเลือนหายไปจนกลายเป็นโลกไร้พรมแดน</span> <br /><br /> <strong><span lang="TH">ลักษณะสำคัญของสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน</span></strong><span lang="TH">์</span><br /> <strong><span lang="TH">คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร</span></strong><br /><br /> <span lang="TH">สังคมโลกาภิวัตน์คอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญมาก เพราะเป็นเครื่องมือที่จะรับและแปลงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและไม่ค่อยมีข้อจำกัด คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการจัดเก็บ บันทึกข้อมูล จัดระบบข้อมูล และนำมาใช้สื่อสารถึงกันในเวลาอันรวดเร็วทุกมุมโลก ในระยะไม่กี่ปีมานี้ ได้มีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ไปอย่างมาก จากเครื่องที่มีขนาดใหญ่ราคาแพง เป็นระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลที่มีขนาดเล็ก มีคุณภาพ ราคาถูก และศักยภาพสูง เครื่องคอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแพร่ข้อมูลข่าวสารในยุคโลกาภิวัตน์</span><br /> </span><br /><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <strong><span lang="TH">เกิดการเพิ่มขึ้นของแรงงานด้านข่าวสาร</span></strong> <span lang="TH">จำนวนแรงงานที่ทำงานเกี่ยวกับข่าวสาร ข้อมูลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แรงงานเหล่านี้ได้แก่ผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษา การคมนาคม การพิมพ์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ สื่อสารมวลชน ทุกประเภท การเงิน การบัญชี รวมทั้งอุตสาหกรรมผลิตคอมพิวเตอร์หรือชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และงานที่เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาจัดการกับ ข่าวสารทุกชนิด</span><br /><br /> <strong><span lang="TH">เกิดการไหลบ่าของข้อมูลข่าวสาร</span></strong> <span lang="TH">วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมเจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจที่เจริญก้าวหน้าทำให้โลกตะวันตกมั่งคั่งร่ำรวย ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดเป็นแรงกระตุ้นให้มีการวิจัยและพัฒนา เพื่อศึกษาค้นคว้าหาข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างไม่หยุดยั้ง สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ก็ทำหน้าที่ค้นคว้าวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีสื่อสารอันทันสมัยก็มีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลใหม่ ๆ หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด</span><br /><br /> <strong><span lang="TH">ระบบเศรษฐกิจประสานเป็นหนึ่งเดียว</span></strong> <span lang="TH">ในสังคมยุคโลกาภิวัตน์ระบบเศรษฐกิจจะมีการประสานเป็นหนึ่งเดียว ทำให้พรมแดนแต่ละประเทศไม่อาจขวางกั้นพลังทางเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ ระบบเศรษฐกิจยังได้เปลี่ยนรากฐานจากระบบอุตสาหกรรมมาเป็นระบบเศรษฐกิจแบบฐานข่าวสาร (</span>Information based economy) <span lang="TH">ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการผลิต การจัดการ และเผยแพร่ข่าวสาร ข่าวสารกลายเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง ตัวอย่างธุรกิจชนิดนี้ เช่น การผลิตคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรคมนาคม วิทยุ โทรทัศน์ การพิมพ์ โทรศัพท์ หนังสือ วารสาร เป็นต้น ข่าวสารกลายเป็นเรื่องสำคัญและเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้ต้องการใช้ข่าวสารต้องเสียค่าใช้จ่าย ข่าวสารกลายเป็นแหล่งทุน และเป็นบ่อเกิดของการว่าจ้างแรงงาน</span></span><br /><strong><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อสังคมโลก</span></span></strong><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br /><br /> <strong><span lang="TH">ผลกระทบด้านสังคม</span></strong><br /> <strong><span lang="TH">การครอบโลกทางวัฒนธรรม</span></strong> <span lang="TH">เนื่องจากระบบสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้เกิดการครอบโลกทางวัฒนธรรม อิทธิพลของวัฒนธรรมและอำนาจของเศรษฐกิจจากประเทศที่พัฒนาแล้วได้ไหลบ่าเข้าสู่ประเทศอื่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดกระแสวัฒนธรรมโลก (</span>Neo - Westernization) <span lang="TH">ครอบงำทาง ความคิด การมองโลก การแต่งกาย การบริโภคนิยม แพร่หลายเข้าครอบคลุมเหนือวัฒนธรรมประจำชาติของแต่ละประเทศ ผลที่ตามมา คือ เกิดระบบผูกขาดแบบไร้พรมแดน</span><br /><br /> <strong><span lang="TH">หมู่บ้านโลก</span></strong> (Global Village) <span lang="TH">จากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม ทำ ให้สังคมโลกไร้พรมแดน โลกทั้งโลกเป็นเสมือนหมู่บ้าน เดียวกัน สมาชิกของหมู่บ้านคนใดทำอะไร ก็สามารถรับรู้ได้ ทั่วกันทั่วโลก เมื่อมาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน สิ่งใดที่มากระทบประเทศหนึ่งก็ย่อมกระทบถึงประเทศอื่น ๆ ไปด้วยอย่างมิอาจ หลีกเลี่ยงได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกสามารถรับรู้ได้อย่างฉับพลัน</span><br /><span lang="TH">จากผลกระทบด้านสังคมที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า มีปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่า </span>POP CULTURE <span lang="TH">เกิดขึ้น ปรากฏการณ์นี้ คือรูปแบบวัฒนธรรมที่มีการประพฤติ ปฏิบัติในวงกว้าง เช่นการบริโภค อาหารแบบ </span>FAST FOOD <span lang="TH">ตามวิถีแบบอเมริกันชนความเป็นอยู่ การศึกษา ต่างๆ ที่เป็นแบบแผน เดียวกัน ในการดำเนินชีวิต</span> <br /><br /> <strong><span lang="TH">ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ</span></strong><br /> <strong><span lang="TH">ระบบเศรษฐกิจแบบใหม</span></strong><span lang="TH">่ ซึ่งมีข้อมูลข่าวสารเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตสินค้า จากการผลิตที่เหมือนกันในปริมาณที่เป็นจำนวนมาก มาเป็นการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมในการผลิต โดยมีลักษณะการใช้งานเฉพาะ ซึ่งใช้ระยะเวลาการผลิตสั้นกว่า สิ้นเปลืองน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนอาจได้รับการผลิตในประเทศต่าง ๆ </span>4 <span lang="TH">ประเทศ ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน แล้วนำมาประกอบในประเทศที่ </span>5 <span lang="TH">แล้วส่งขายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นลักษณะของการเกิดบริษัทข้ามชาติทุนข้ามชาติ ที่เข้าไปเสาะแสวงหาผลกำไร อย่างไร้พรมแดนในดินแดนต่างๆ ทั่วโลก แล้วกำไรเหล่านั้น ถูกส่งไปพัฒนา หรือถูกส่งไปยังบริษัทใหญ่ในประเทศแม่ เป็นแบบฉบับธุรกิจโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีผลทำให้ธุรกิจ การเงิน หลักทรัพย์ ธนาคาร ประกันภัย ต้องปรับตัวเพื่อรองรับธุรกิจแบบโลกาภิวัตน์ด้วย การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนระบบการผลิตมาเป็นการผลิตอย่าง ต่อเนื่องตลอด </span>24 <span lang="TH">ชั่วโมง ระบบการเงินก็จะต้องปรับมาบริการแบบ </span>24 <span lang="TH">ชั่วโมงด้วย กระแสเงินตราต่าง ๆ ได้ผ่านเข้าออกธนาคารตลอดเวลาในช่วงเวลาที่วัดกันเป็นเสี้ยววินาที โดยใช้อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอัตราเร็วนี้คือความสามารถที่จะก้าวล้ำหน้า ทำให้มีผลต่อการกระจายอำนาจและผลกำไรอย่างมากมาย นอกจากนั้น กระแสการแข่งขันด้านการค้าและการแสวงหาตลาดได้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสภาพข้ามชาติอย่างแท้จริง การค้าและช่องทางการเข้าสู่ตลาดโลกมิอาจดำเนินไปในรูปแบบที่เรียกว่า ลัทธิพาณิชย์นิยม (</span>Mercantilism) <span lang="TH">ที่เคยเป็นลักษณะหนึ่งของการแข่งขัน เพื่อผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ในอดีต การดำเนินกิจกรรมทางการค้าได้พัฒนาซับซ้อนและมีกลไกมีวิธีการหลากหลายมากขึ้น ในยุคนี้จะได้เห็น </span>“<span lang="TH">การทูตแผนใหม่</span>” (New Diplomacy) <span lang="TH">ที่มุ่งไปที่พันธมิตรทางธุรกิจ การค้าและอุตสาหกรรม แทนการใช้ระบบการเมืองดังที่เคยปรากฏในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา</span></span><br /><span style="color: black; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <strong><span lang="TH">ผลกระทบด้านการเมือง</span></strong><br /> <strong><span lang="TH">เกิดความรู้สึกท้องถิ่นนิยม</span></strong> (Localism) <span lang="TH">กระแสโลกาภิวัตน์สร้างความรู้สึกท้องถิ่นนิยมแทนที่อุดมการณ์ชาตินิยม เนื่องจากสังคมยุคโลกาภิวัตน์เป็นยุคแห่งข่าวสาร ซึ่งประชาชนใน ท้องถิ่นสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนของตนได้อย่างรวดเร็วจากสื่อมวลชน ทำให้เกิดการปลุกจิตสำนึกของประชาชนในท้องถิ่น ให้รู้จักเห็นคุณค่าอนุรักษ์ รักษา และหวงแหนทรัพยากรภายในท้องถิ่นของตน พร้อมทั้งตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาลกลาง หากรัฐบาลกลางหวังจะตักตวงผลประโยชน์จากท้องถิ่นโดยไม่โปร่งใส ก็จะถูกต่อต้านจาก ประชาชนในท้องถิ่น ดังที่เราได้พบเห็นที่กลุ่ม ประชาชน ออกมาเรียกร้อง สิทธิ ความเสมอภาคต่างๆ</span></span></div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>
titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-21477374838483309582012-07-01T02:50:00.000-07:002012-07-04T19:35:08.795-07:00ความเป็นพลเมืองโลก<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="" name="TOC--"></a><span style="color: blue;"><b> ความเป็นพลเมืองโลก</b></span></h3>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="background-color: #ded1e9; color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<br /><div>
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การศึกษาช่วยพัฒนาประชาคมสู่การเป็นพลเมืองโลก (</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">Global Citizen) <span lang="TH">ได้อย่างไร</span></span></div>
<div>
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การจัดการเรียนเรียนรู้วิชาพลโลก</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong></div>
<div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">หลักสูตรแกนกลาง พุทธศักราช</span> 2551 <span lang="TH">ได้กล่าวถึง การสร้างนักเรียนให้เป็นพลโลก</span> <span lang="TH">หรือพลเมืองโลก</span> (Global Citizen) <span lang="TH">ไว้ในวิสัยทัศน์ของหลักสูตร</span> <span lang="TH">ดังนี้</span> “<span lang="TH">หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน</span> <span lang="TH">มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคน</span> <span lang="TH">ซึ่งเป็นกำลังของชาติให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุล ทั้งด้านร่างกาย</span> <span lang="TH">ความรู้</span> <span lang="TH">คุณธรรม</span> <span lang="TH">มีจิตสำนึกในความเป็น</span><b> </b><strong><span lang="TH">พลเมืองไทย และเป็นพลโลก</span></strong> <span lang="TH">ยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข</span> <span lang="TH">มีความรู้และทักษะพื้นฐาน</span> <span lang="TH">รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษาต่อ</span> <span lang="TH">การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวิต</span> <span lang="TH">โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญบนพื้นฐานความเชื่อว่า</span> <span lang="TH">ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ</span>”</span></div>
<div>
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ทำไม ทำอย่างไร จึงจะนำนักเรียน สู่ความเป็นพลโลก</span></strong></div>
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">เมื่อวันที่</span> 19 <span lang="TH">มีนาคม 255</span> <span lang="TH">ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพมหานคร มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาเรื่องการพัฒนาหลักสูตรเพื่อการสร้างพลเมืองโลกในอนาคต</span> (Curriculum Development for Future Global Citizens Conference) <span lang="TH">ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ</span> British Council <span lang="TH">จัดขึ้นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิได้ ให้หลักการ แนวคิด ไว้ที่ต้องให้ความสนใจ ซึ่งพอสรุปได้</span> <span lang="TH">ดังนี้</span></span><br /><div style="text-indent: 36pt;">
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">จอห์น</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">แมคโดนัลด์</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ผู้อำนวยการองค์การควบคุม</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><a href="http://www.komchadluek.net/search.php?search=%A4%D8%B3%C0%D2%BE" rel="nofollow" style="color: #0033cc;"><span lang="TH">คุณภาพ</span></a><span lang="TH">การศึกษา</span> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สก๊อตแลนด์</span></strong></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">หลักสูตรจะต้องสร้างให้เด็กรุ่นใหม่ให้มีความสามารถในการสื่อสารระดับสากลโดยมีภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางพร้อมที่จะเรียนรู้ เข้าใจ และยอมรับในศาสนา วัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่าง</span> <span lang="TH">มีความรับผิดชอบและมุ่งมั่นพัฒนาสังคมส่วนรวมในวงกว้างระดับนานาชาติโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของตน</span> <span lang="TH">แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของประเทศและของตนไว้</span> </span></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">หลักสูตรจะต้องช่วยให้เด็กพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่</span> <span lang="TH">รู้จักคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ใช้เทคโนโลยีหาความรู้</span> <span lang="TH">มีความรู้ทั้งวิชาการ วิชาชีพและทักษะชีวิต</span> <span lang="TH">รู้จักตนเองและให้เกียรติผู้อื่น</span> <span lang="TH">เป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี</span> <span lang="TH">ทำงานเป็นทีมและมีคุณธรรม</span> </span></div>
<div>
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">มิสโมอิรา</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">แมคเคอราเชอร์</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ผอ.ฝ่ายการศึกษ</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">k</span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ระหว่างประเทศ องค์การควบคุม</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><a href="http://www.komchadluek.net/search.php?search=%A4%D8%B3%C0%D2%BE" rel="nofollow" style="color: #0033cc;"><span lang="TH">คุณภาพ</span></a><span lang="TH">การศึกษา</span> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สก๊อตแลนด์</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">การสร้างเด็กให้มี</span><a href="http://www.komchadluek.net/search.php?search=%A4%D8%B3%C0%D2%BE" rel="nofollow" style="color: #0033cc;"><span lang="TH">คุณภาพ</span></a><span lang="TH">จะต้องพัฒนาครูให้มีความเป็นเลิศในวิชาที่สอน</span> <span lang="TH">รู้จักออกแบบการเรียนการสอน และประเมินวัดผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อเด็ก</span></span></div>
<div>
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ดร.ซูฮ์</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">สวีนี</span> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ผู้จัดการฝ่ายหลักสูตรการศึกษาวิทยาลัยอายร์</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สก๊อตแลนด์</span></strong></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">การสร้างเด็กให้เป็นพลเมืองที่ดีของโลกนั้นครูมีบทบาทสำคัญที่สุดรวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบอาชีพด้านต่างๆเช่น</span> <span lang="TH">นักวิทยาศาสตร์มาช่วยครูให้ความรู้เด็ก</span></span></div>
<div>
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">รศ.สุชาดา</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">นิมมานนิตย์</span> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">กรรมการบริหารสถาบันภาษา</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">เด็กไทยยังมีจุดอ่อนด้านคิดวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้</span> <span lang="TH">และไม่แบ่งปันความรู้ให้เพื่อนๆ</span> <span lang="TH">ซึ่งครูต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาและพัฒนาเด็ก</span></span></div>
<div>
<strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">คุณหญิงกษมา</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">วรวรรณ</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ณ</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">อยุธยา</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน</span></strong></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">เนื้อหาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานปี</span>2551 <span lang="TH">นั้นสามารถพัฒนาเด็กให้เป็นพลเมือง</span><a href="http://www.komchadluek.net/search.php?search=%A4%D8%B3%C0%D2%BE" rel="nofollow" style="color: #0033cc;"><span lang="TH">คุณภาพ</span></a><span lang="TH">ของโลกได้อย่างดี</span> <span lang="TH">เร็วๆนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)จะลงนามความร่วมมือกับกระทรวงต่างๆเช่น</span> <span lang="TH">กระทรวงวัฒนธรรม</span> <span lang="TH">กระทรวงสาธารณสุข</span> <span lang="TH">เพื่อให้ช่วยนำความรู้ที่ไม่มีในตำราเรียนทั้ง</span> 8 <span lang="TH">กลุ่มสาระมาลงในเวบไซต์ สพฐ.</span> <span lang="TH">เพื่อให้ความรู้แก่ครูและเด็กจะเริ่มเปิดให้บริการในเดือนพ.ค.นี้</span></span></div>
<div>
<strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ</span></span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ประธานในพิธีเปิด</span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></strong><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> </span></b><b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"><br /></span></b><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">- กระทรวงศึกษาธิการนับเป็นหน่วยงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ทำให้ประชาชนมีความพร้อมที่จะทำประโยชน์ของตนและของโลก</span> <span lang="TH">โดยมุ่งเน้นบุคลากรบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล มีความรับผิดชอบ</span> <span lang="TH">ด้วยเล็งเห็นถึงคุณภาพเหล่านี้ต่อพลเมืองโลกในอนาคต</span> <br /> - <span lang="TH">การพัฒนาหลักสูตรเพื่อการพัฒนาพลเมืองโลกจะส่งเสริมให้มีการประสานงานให้เกิดความเท่าเทียมกันและเกิดการเรียนการสอนที่เหมาะสมทั้งวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษ</span> <span lang="TH">กระทรวงศึกษาธิการจะได้จัดหาโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการสร้างพลเมืองโลกในอนาคต</span><br /><br /> <span lang="TH">การประชุมสัมมนาเรื่องการพัฒนาหลักสูตรเพื่อสร้างพลเมืองโลกในอนาคตจัดขึ้นเพื่อสร้างทักษะความจำเป็นในการเป็นพลเมืองโลก</span> <span lang="TH">โดยผ่านการพัฒนาหลักสูตรระดับมัธยมศึกษา</span> <span lang="TH">เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องการพัฒนาหลักสูตรเพื่อพลเมืองโลก</span> <span lang="TH">โดยได้เชิญวิทยากรและผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศมาบรรยายให้ความรู้</span> <span lang="TH">ตลอดจนส่งเสริมการศึกษา</span> Inter – Faith <span lang="TH">โดยเชื่อมโยงแนวความคิดเรื่องโอกาสที่เท่าเทียมกัน</span> <br /><br /><strong> </strong><b> </b><strong><span lang="TH">สรุป</span></strong><strong> </strong><b> </b><strong><span lang="TH">นักการศึกษาเสนอแนะให้พัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองคุณภาพของโลกโดยการพัฒนาหลัก</span></strong><b> </b><strong><span lang="TH">สูตรปลูกฝังให้เยาชนมีความรู้วิชาการ-วิชาชีพ ทักษะชีวิต</span></strong><strong> </strong><b> </b><strong><span lang="TH">มีคุณธรรมและยึดประโยชน์ส่วนรวมในระดับสากล</span></strong><strong> </strong></span></div>
<div style="text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">สร้างความคิดรวบยอด (</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">Concept) <span lang="TH">เรื่องพลเมืองโลก ผ่านหลักสูตรสถานศึกษาโดย</span> <span lang="TH">บูรณาการกับวัตถุประสงค์ และกิจกรรม</span> CCAD <span lang="TH">ดังนี้</span></span></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">พลโลกมีความเหมือนและความแตกต่างกัน หลายด้าน เช่น สถานที่อยู่อาศัย ภาษา</span></span></div>
<div style="margin-left: 18pt; text-indent: 36pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">ศาสนา ความเชื่อ วัฒนธรรม ภาษา</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ชีวิตความเป็นอยู่</span></span></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">สันติสุขจะดำรงอยู่ได้ ต้องอาศัยการพัฒนาการอยู่ร่วมกันหลายด้าน เช่น</span></span></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">การติดต่อสื่อสาร</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การค้า และการร่วมกิจกรรมในระดับนาๆ ชาติ อื่นๆ</span></span></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">พลโลกจะอยู่ร่วมโลกกันอย่างสันติสุขได้ ต้องเข้าใจ</span> <span lang="TH">ยอมรับ และเรียนรู้</span> <span lang="TH">ความเหมือนและความแตกต่างกัน</span></span></div>
<div style="margin-left: 54pt;">
<span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">- <span lang="TH">โลกจะดำรงอยู่ได้ พลโลกต้องร่วมมือกันรักษ์โลก</span>”</span></div>
</div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1634052668975592990.post-29073687599619867622012-07-01T02:45:00.000-07:002012-07-04T19:35:08.809-07:00ความยุติธรรม<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<br />
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<h3 style="color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; font-size: 1.4em; line-height: 21px;">
<a href="http://www.blogger.com/" name="TOC--"></a><span style="background-color: #f4cccc;">การสร้างความเป็นธรรมในสังคมโลก</span></h3>
<div style="color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<div>
</div>
</div>
<div style="color: #444444; font-family: Arial,Verdana,sans-serif; line-height: 21px;">
<span style="background-color: #f4cccc;"><br /></span><br />
<div style="margin: 0cm;">
<strong><span lang="TH" style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 20pt;">ปาฐกถาพิเศษ อมาตยา เซน กาลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม</span></strong></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc;"><strong><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">วันที่ </span></strong><strong><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">17 <span lang="TH">ธันวาคม</span> 2553 " <span lang="TH">อมาตยา เซน "</span> <span lang="TH">ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ พ.ศ.</span>2541 <span lang="TH">ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม" (</span>Building social justice to close the social GAP) <span lang="TH">ในเวทีประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ </span>3 <span lang="TH">ประจำปี พ.ศ.</span>2553 <span lang="TH">ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ</span> <span lang="TH">โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้</span></span></strong></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">อมาตยา เซน</span> <span lang="TH">กล่าวว่า</span> <span lang="TH">ทุกวันนี้เชื่อว่าความยุติธรรมทางสังคมต้องเน้นไปที่คุณภาพชีวิตควบคู่กับเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งตอนนี้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยอาจถดถอยกว่าในอดีต</span> <span lang="TH">เพราะมีความไม่พอใจในเรื่องการกระจายอำนาจทางการเมืองอยู่บ้าง</span> <span lang="TH">อย่างไรก็ตามประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และผมเองก็ชอบมากด้วย</span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc;"><br /></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc;"><br /></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc;"><span lang="TH" style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">เมื่อปี ค.ศ.</span><span style="font-family: Angsana New; font-size: 16pt;">1964 <span lang="TH">ผมได้เดินทางมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก ไทยเป็นประเทศที่ค่อนข้างก้าวหน้า แต่ไทยยังมีช่องว่างทางสังคมที่ประชาชนยังไม่พอใจอยู่เยอะเหมือนกัน มีการวิจารณ์กันมากว่าในสังคมไทยมีทั้งผู้มีอำนาจและผู้ที่ไม่มีอำนาจ</span> <span lang="TH">ผมเข้าใจว่า ความเข้าใจของคนไทยที่ไม่มีความรู้นั้นโดยพื้นฐานแล้วจะเกิดความระแวงขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อการที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบทางการเมือง รวมถึงการใช้อำนาจทางการเมืองมาตอบสนองความต้องการทุกอย่างไม่ได้</span> <span lang="TH">ความไม่พอใจระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับประชาชน ท้ายที่สุดเราก็ยังต้องตั้งคำถามต่อไปว่า ทำไมความไม่พอใจยังมีอยู่ในสังคมไทย และอาจส่งผลกระทบไปถึงความรุนแรง</span></span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ในการเสวนาหรือการพูดคุยกันนั้น รัฐบาลเองก็ต้องมีส่วนร่วมเพื่อหาช่องว่างทางสังคม หมายความว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันแก้ไข ผมมาเยี่ยมประเทศไทยบ่อยครั้ง</span> <span lang="TH">ปัญหาของไทยถือว่าเป็นปัญหาที่ทั่วโลกก็กำลังเผชิญเหมือนกัน ความไม่พอใจมีอยู่ทั่วโลกนั้น ต้องคิดต่อไปว่าคนไทยต้องทำอย่างไร มีการใช้ประโยชน์ทางการเมืองมากน้อยแค่ไหน</span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">กรณีของไทยไม่ได้โดดเด่นหรือแปลกไปจากประเทศอื่นเลย จะแปลกก็อยู่ที่ว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไข มีการที่ปล่อยให้แตกออกเป็น </span>2 <span lang="TH">ฝ่าย แบ่งออกเป็นกลุ่มก้อน แยกกันคิด ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหา แต่ก็คือช่องว่างทางสังคมที่เกิดขึ้นเช่นกัน</span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">สมัชชาสุขภาพแห่งชาติเป็นสถาบันที่ดีมาก ทำให้เกิดความก้าวหน้าทางสังคม จำเป็นต้องให้เกิดขึ้นเพื่อบรรลุความยุติธรรม ช่องว่างอาจจะมีอยู่จริง ความไม่พอใจอาจเป็นความไม่พอใจแบบรุนแรง อย่างไรก็ตามต้องมีการประชุม มีการพูดคุยหารือกัน</span> <span lang="TH">เพราะสิ่งที่คนเห็นในประเทศว่าเกิดอะไรนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คนในสังคมก็แสดงความคิดเห็นออกมามากมาย ซึ่งสังคมต้องนำมาแก้ไขและมองเห็นช่องว่างทางสังคมว่าเป็นช่องว่างในเชิงภูมิภาคหรือเชิงพื้นที่ หรือแม้กระทั่งช่องว่างความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบท เพราะแต่ละภูมิภาคประสบปัญหาไม่เหมือนกัน</span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ปัญหาความแตกต่างด้านภูมิภาคเกิดขึ้นทั่วโลกควรช่วยกันแก้ไขปัญหา ส่วนช่องว่างที่เกิดขึ้นมานานก็คือ ช่องว่างเชิงชนชั้น ในความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนจนกับคนรวย ซึ่งนำพาไปสู่ความไม่ลงรอยกันเหมือนประเทศอื่นๆในภูมิภาค นี่ถือเป็นปัญหาที่ควรแก้ไขและคิดกันใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์และความไม่เท่าเทียมกันทางชนชั้น</span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ในเรื่องเพศวิถีนั้น ความแตกต่างระหว่างชายกับหญิงเกิดขึ้นสูง และยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในหลาย ๆ ประเทศ โอกาสทางสังคมมีน้อย เศรษฐกิจในหลายภาคส่วนไม่เกิด เสียงทางการเมือง</span> <span lang="TH">ขาดความสมดุล จนทำให้รัฐบาลได้ประโยชน์มากในทางการเมือง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบ มีช่องว่างหลายช่องทำให้ประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์</span> <span lang="TH">จึงต้องมีการเข้ามาตรวจสอบตรงนี้จุดนี้ให้มาก</span></span></div>
<div style="margin: 0cm;">
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <span lang="TH">ส่วนเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่อาจนำไปสู่การแบ่งแยกของคนในชุมชน ความไม่เสมอภาคย่อมเกิดตามมา การดูแลคนกลุ่มน้อยอาจจะเป็นเรื่องที่ดูท้าทายดี ในประชาธิปไตยนั้นคนกลุ่มใหญ่จะต้องมีความเข้าใจในปัญหาร่วมกัน ซึ่งก็ควรมีในประเทศไทยเช่นกัน ในการดูแลคนคนพิการ </span>6<span lang="TH">ล้านคน จาก </span>6,000 <span lang="TH">ล้านคนทั่วโลก มีน้อยมาก ซึ่งมีผลต่อการหารายได้และการใช้ชีวิตของคนเหล่านั้นด้วย ซึ่งสังคมต้องพยายามให้ความช่วยเหลือคนพิการในส่วนนี้ เพื่อคนพิการจะได้ใช้แขนขาเทียมตามความต้องการ</span></span></div>
<span style="background-color: #f4cccc; font-family: Angsana New; font-size: 16pt;"> <strong><span lang="TH">อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญเราจำเป็นต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำว่ามีอะไรบ้างที่นำไปสู่ความแตกแยกของคนในสังคม เมื่อความแตกแยกมารวมกันก็จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และเชื่อว่า "ปัญหาสังคมไม่มีเพียงแค่นี้ ช่องว่างต่าง ๆ เป็นสิ่งที่นำไปสู่การแบ่งแยก และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือความแตกแยกหลายอย่างมารวมตัวกันก็จะกลายเป็นความยิ่งใหญ่ของปัญหา"</span></strong></span></div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
</div>titayahttp://www.blogger.com/profile/04507253280514459534noreply@blogger.com0